Search

"8 เทรนด์" มาแรง ท่องเที่ยว New Normal 2020 - ไทยรัฐ

berlin-tours.blogspot.com

เว็บไซต์ TAT Review จุลสารวิชาการออนไลน์ จัดทำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฉบับล่าสุดประจำเดือน ก.ค.-ก.ย.2563 รวบรวมข้อมูลแนวโน้มตลาดการท่องเที่ยวปี 2020 โดยระบุว่า มี 8 เทรนด์ของตลาดท่องเที่ยวที่ถือว่ามาแรง

เริ่มจากเทรนด์แรก World is going to be “grey” อย่างที่รู้กันว่าในปี 2020 ประชากรโลกที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีเป็นต้นไป จะเพิ่มขึ้นถึง 700 ล้านคน โดย 1 ใน 4 ของประชากร ชาวญี่ปุ่น 1 ใน 5 ของชาวเยอรมัน ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และ 1 ใน 6 ของชาวอเมริกัน แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ คือ สัดส่วนของประชากรที่มีอายุมากกว่า 65 ปี เป็นการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ แต่ในทางตรงกันข้าม การเป็นผู้สูงอายุของคนเหล่านี้ กลับเป็นกลุ่มที่ยังคง active มีแนวโน้มสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ควบคู่ไปกับความมั่งคั่ง โดยคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อมหาศาล และพร้อมจะจ่ายให้กับสิ่งที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงและความสุขกับการใช้ชีวิต ส่งผลให้เทรนด์ธุรกิจการท่องเที่ยวสำหรับคนกลุ่มนี้มาแรงและมีแนวโน้มการเติบโตสูง

เทรนด์ที่สอง On the go with “Gen Z” คน GEN Z ซึ่งมีอายุระหว่าง 16-24 ปี คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มต่อไปในอนาคตอันใกล้ การเจาะตลาดกลุ่ม GEN Z มีกลยุทธ์ที่สำคัญคือ การทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีแนวคิดเดียวกัน โดยใช้พรีเซนเตอร์ หรือเน็ตไอดอล ศิลปิน Influencer คนที่มียอด Follower เยอะๆ การท่องเที่ยวสำหรับคนกลุ่มนี้ จะไม่ใช่แค่การไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่คือการสร้างประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกดีมาก หากมีกิจกรรมสนุกๆให้ได้ลงมือทำ โดยเฉพาะความใส่ใจเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยดูแลโลกให้น่าอยู่ขึ้น

เทรนด์ที่สาม Digital Nomad Band wagon เป็นยุคที่คนเทใจให้งานฟรีแลนซ์ด้วย ไลฟ์สไตล์ คนทำงานยุคใหม่ที่รักอิสระ ทำให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้านผู้รับจ้างก็นิยมจ้างแบบ out-source มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ Morgan Stanley ฟันธงว่าอีก 7 ปีข้างหน้า ครึ่งหนึ่งของแรงงานในสหรัฐฯ จะเป็นฟรีแลนซ์ สอดคล้องกับที่ Pieter Levels ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ nomadlist.com คาดคะเนไว้ว่าในปี 2035 จะมี Digital Nomad มากกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศเล็กๆอย่างเอสโทเนีย เปิดตัว “Digital Nomad Visa” ซึ่งเป็นฟรีวีซ่าสำหรับเหล่า Nomad ครั้งแรกของโลก โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่รักการเดินทางออกไปดูโลกกว้าง ย้ายที่ทำงานไปเรื่อยๆ ได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้หนึ่งปีเต็ม

แนวโน้มดังกล่าวยังปรากฏออกมาเป็นโมเดลธุรกิจโรงแรมแบบใหม่ “700,000 Heures” โรงแรมเคลื่อนที่แห่งแรกของโลก สัญชาติ ฝรั่งเศส ที่รีโลเกชันทุกๆ 6 เดือน เพื่อมอบประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นส่วนตัว และ authentic ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนบนโลก โดยในปี 2020 โรงแรมนี้จะย้ายไปที่ประเทศญี่ปุ่นในพื้นที่ 2 แห่ง คือ วัดในเมืองโคยะซังและบ้านโบราณในหมู่บ้านชาวประมงอิเนะ ผู้ที่จะพักได้ต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น โดยค่าสมัครรายปีอยู่ที่ 570 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 17,300 บาท

เทรนด์ที่สี่ Responsible Tourism Booking.com ชี้ว่าในปี 2020 นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะเลือกจองที่พักแบบ Eco-Friendly หรือ Green Accommodation เพิ่มขึ้นกว่า 73% ขณะที่ Google ก็ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่าในช่วง 3 เดือน ก่อนการเดินทาง นักท่องเที่ยวจะเริ่มหาข้อมูลที่เกี่ยวกับ ประสบการณ์จากการเดินทาง แทนการเสิร์ชที่พักมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า และมากกว่าเสิร์ชหาตั๋วเครื่องบินถึง 8 เท่า

เทรนด์ที่ห้า Self-less drive will hit the road การขนส่งทางอากาศของโลก เมื่อเร็วๆนี้ The Economist ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2030 ผู้ขับขี่รถยนต์ในสหรัฐฯ จำนวน 1 ใน 4 จะเดินทางโดยการใช้รถยนต์ขับเคลื่อนแบบไร้คนขับ ปี 2035 คนเมืองราว 8 ใน 10 จะหันไปใช้ Robo Taxi หรือแท็กซี่ไร้คนขับ โดรนโดยสาร (Passenger Drone) และเฮลิคอปเตอร์ Hybrid ที่สามารถทำความเร็วได้มากกว่าเฮลิคอปเตอร์ทุกแบบบนโลก ไม่ใช่แค่รถไฟความเร็วสูง แต่เราจะได้เห็น Hyperloop Pods หรือการเดินทางด้วย Pod ผ่านท่อสุญญากาศ ขับเคลื่อนด้วยแรงแม่เหล็กไฟฟ้าความเร็วสูงถึง 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างจริงจัง

เทรนด์ที่หก Biometrics Passport ผู้คนจะเริ่มทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนด้วย Biometrics เช่น จดจำใบหน้าที่เริ่มแล้วในสนามบินหลายแห่ง เช่น สนามบินนานาชาติดูไบ, สนามบินนานาชาติคันไซ ฟุกุโอกะ ในประเทศญี่ปุ่น, สนามบินนานาชาติชางงี ในสิงคโปร์ รวมถึงอีกกว่า 25 สนามบินในสหรัฐฯช่วยให้การรักษาความปลอดภัยในสนามบินเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

เทรนด์ที่เจ็ด Hyper Personalised ในอนาคตบริษัททัวร์ต่างๆจะพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ช่วยวางแผนการเดินทางให้กับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว โดยวิเคราะห์ลึกลงไปถึงความต้องการที่แท้จริงจนได้แผนการเดินทาง ที่คิดขึ้นมาใหม่ตามคาแรกเตอร์เฉพาะตัวบุคคล เช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรมที่พักก็จะหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเพื่อสนองความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มนักเดินทางรุ่นใหม่ที่รักการใช้เทคโนโลยี เป็นชีวิตจิตใจมากขึ้น

เทรนด์ที่แปด Space Tourism การท่องเที่ยวอวกาศ ที่อีกไม่นานอวกาศจะกลายเป็นจุดหมายเบอร์หนึ่งในใจของนักเดินทางท่องเที่ยว เราจะได้เห็นอุตสาหกรรมเกิดใหม่ในทศวรรษ 2020 ตั้งแต่เที่ยวบินชมวิวโลกจากอวกาศ ซึ่งเราจะมีโรงแรมในห้วงอวกาศที่มีวงโคจรอยู่นอกโลกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทที่เริ่มให้บริการแล้ว เช่น บริษัท Virgin Galactic หรือแม้แต่ NASA ก็เริ่มวางแผนจำหน่ายบัตรให้กับผู้ที่สนใจไปเที่ยวค้างคืนที่สถานีอวกาศ นานาชาติ (International Space Station) โดยมีราคาต่อคืนอยู่ที่ 35,000 เหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 1.1 ล้านบาท

และนี่คือ 8 เทรนด์การท่องเที่ยวที่น่าจับตาในยุคนิวนอร์มอล ซึ่งเริ่มต้นขึ้นแล้ว...!!

อ่านเพิ่มเติม...




August 29, 2020 at 05:15AM
https://ift.tt/2QzzVsm

"8 เทรนด์" มาแรง ท่องเที่ยว New Normal 2020 - ไทยรัฐ

https://ift.tt/2VxIbuS


Bagikan Berita Ini

0 Response to ""8 เทรนด์" มาแรง ท่องเที่ยว New Normal 2020 - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.